Month: สิงหาคม 2023

คริสตจักรนิรันดร์ของพระเจ้า

“โบสถ์เลิกแล้วหรือคะ” คุณแม่ยังสาวมาถึงคริสตจักรพร้อมกับลูกสองคน เมื่อการนมัสการวันอาทิตย์กำลังเลิกพอดี แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับบอกเธอว่าคริสตจักรใกล้ๆมีการนมัสการสองรอบ และรอบที่สองกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า เธออยากให้มีคนขับรถไปส่งที่นั่นไหม คุณแม่ยังสาวตอบรับและดูยินดีที่จะไปยังอีกคริสตจักรหนึ่งที่เลยไปไม่ไกล เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับมีข้อสรุปว่า “คริสตจักรเลิกแล้วหรือ ไม่มีวันเป็นเช่นนั้น คริสตจักรของพระเจ้าจะดำเนินไปไม่มีวันสิ้นสุด”

คริสตจักรไม่ใช่ “อาคาร” ที่เสื่อมสลายได้ เปาโลบันทึกไว้ว่า คริสตจักรคือครอบครัวที่สัตย์ซื่อของพระเจ้า เป็น “ครอบครัวของพระเจ้า...ประดิษฐานขึ้นบนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิทและเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในพระองค์นั้นท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณด้วย” (อฟ.2:19-22)

พระเยซูเองได้ทรงสถาปนาคริสตจักรของพระองค์ให้เป็นอมตะ พระองค์ทรงประกาศว่าแม้คริสตจักรจะเผชิญกับความท้าทายและปัญหา แต่ “พลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้” (มธ.16:18)

โดยการมองผ่านแนวคิดที่พระเจ้าประทานให้เรานี้ เราสามารถมองเห็นว่าคริสตจักรท้องถิ่นซึ่งก็คือเราทั้งหลายนั้น เป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรสากลของพระเจ้า คือถูกตั้งขึ้น “ในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์” (อฟ.3:21)

ของขวัญแห่งกำลังใจ

“ผึ้งของคุณกำลังทิ้งรังไปแล้ว!” ภรรยาของผมโผล่หน้าเข้ามาที่ประตูและบอกข่าวที่ไม่มีคนเลี้ยงผึ้งคนไหนอยากได้ยิน ผมวิ่งออกไปเห็นผึ้งเป็นพันๆตัวกำลังบินออกจากรังไปยังยอดต้นสนสูงและจะไม่มีวันกลับมาอีก

ผมไม่ทันได้สังเกตอาการบางอย่างที่บอกให้รู้ล่วงหน้าว่าผึ้งกำลังจะแยกรัง พายุที่เข้านานกว่าหนึ่งสัปดาห์ทำให้ผมไม่ได้ไปตรวจดู พอถึงเช้าวันที่พายุสิ้นสุดลงผึ้งก็จากไป รังผึ้งนี้เป็นครอบครัวใหม่และแข็งแรง อันที่จริงพวกมันกำลังแยกครอบครัวเพื่อจะสร้างรังใหม่ “อย่าโทษตัวเองเลย” คนเลี้ยงผึ้งที่มีประสบการณ์คนหนึ่งบอกผมอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นความผิดหวังของผม “เรื่องนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน!”

การให้กำลังใจเป็นของขวัญอันล้ำค่า เมื่อดาวิดท้อแท้เพราะถูกซาอูลตามฆ่า โยนาธานซึ่งเป็นบุตรชายของซาอูลได้ให้กำลังใจดาวิดว่า “อย่ากลัวเลยเพราะว่ามือของซาอูลเสด็จพ่อของฉันจะหาเธอไม่พบ เธอจะได้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล และฉันจะเป็นอุปราช ซาอูลเสด็จพ่อของฉันก็ทราบเรื่องนี้ด้วย” (1ซมอ.23:17)

ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นคำพูดอันน่าทึ่งที่แสดงถึงความไม่เห็นแก่ตัวของบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งที่สองรองจากราชบัลลังก์ น่าจะเป็นเพราะโยนาธานรู้ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับดาวิด ท่านจึงพูดออกมาจากใจที่ถ่อมและเปี่ยมด้วยความเชื่อ

รอบตัวเรามีแต่ผู้คนที่ต้องการกำลังใจ พระเจ้าจะช่วยเราให้ช่วยพวกเขา เมื่อเราถ่อมใจลงต่อพระองค์และขอให้พระองค์รักเขาเหล่านั้นผ่านทางเรา

ค้นหาที่โล่ง

ในหนังสือเรื่อง ขอบเขต ดร.ริชาร์ด สเวนสันเขียนไว้ว่า “เราต้องมีช่องว่างสำหรับหายใจบ้าง เราต้องการอิสระในการคิดและเปิดโอกาสให้แก่การเยียวยา ความสัมพันธ์ของเรากำลังถูกทำให้แห้งเหี่ยวตายลงเพราะความเร่งรีบ...ลูกๆของเรานอนบาดเจ็บอยู่บนพื้น ท่วมทับด้วยความปรารถนาดีของเราที่พุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง พระเจ้าทรงเหน็ดเหนื่อยแล้วหรืออย่างไร พระองค์ไม่ได้นำประชากรไปยังริมน้ำแดนสงบอีกแล้วหรือ ใครปล้นชิงพื้นที่เปิดโล่งในอดีตไปเสีย แล้วเราจะนำมันกลับคืนมาได้อย่างไร” สเวนสันกล่าวว่าเราจำเป็นต้องมี “พื้นที่” สงบและอุดมสมบูรณ์ในชีวิตที่เราจะสามารถพักในพระเจ้าและพบกับพระองค์ได้

คำพูดนี้ดังก้องอยู่ในใจคุณหรือเปล่า การแสวงหาพื้นที่เปิดโล่งเป็นสิ่งที่โมเสสทำได้ดี การเป็นผู้นำของชนชาติที่ “หัวแข็ง” (อพย.33:5) ทำให้ท่านมักปลีกตัวออกไปเพื่อหาการพักสงบและการทรงนำในการทรงสถิตของพระเจ้า และใน “เต็นท์นัดพบ” (ข้อ 7) ที่โมเสสตั้งไว้นั้น “พระเจ้าเคยตรัสสนทนากับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน” (ข้อ 11) พระเยซูก็ทรง “เสด็จออกไปในที่เปลี่ยวและทรงอธิษฐาน” (ลก.5:16) ทั้งพระองค์และโมเสสตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เวลาตามลำพังกับองค์พระบิดา

เราเองก็จำเป็นต้องสร้างขอบเขตในชีวิตของเราเช่นกัน เพื่อให้มีที่เปิดโล่งสำหรับการพักสงบและอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า การใช้เวลากับพระองค์จะทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น สร้างขอบเขตและเส้นแบ่งที่เหมาะสมในชีวิตเพื่อเราจะได้มีกำลังในการรักพระเจ้าและผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

ขอให้เราแสวงหาพระเจ้าในที่เปิดโล่งในวันนี้

ฤทธิ์เดชของพระคริสต์

ในปี 2013 มีผู้คนประมาณ 600 คนในสถานที่จริงที่คอยชมนักกายกรรม นิค วัลเล็นดา เดินไต่เชือกข้ามช่องเขากว้างราว 427 เมตรใกล้ๆแกรนด์แคนยอน วัลเล็นดาก้าวออกไปบนเชือกเคเบิลหนา 2 นิ้วและขอบคุณพระเยซูสำหรับภาพที่เขามองเห็นขณะที่กล้องติดศีรษะของเขาหันไปทางหุบเขาเบื้องล่าง เขาอธิษฐานและขอบคุณพระเยซูขณะเดินข้ามช่องเขานั้นไปอย่างสงบราวกับกำลังเดินเล่นอยู่บนทางเท้า เวลาที่ลมพัดแรงเขาจะหยุดและย่อตัวลง แล้วจึงยืดตัวยืนขึ้นปรับสมดุลร่างกายใหม่ และขอบคุณพระเจ้าที่ทรงทำให้ “เชือกนิ่ง” ในแต่ละย่างก้าวบนเชือกนั้น เขาสำแดงถึงการพึ่งพาในฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นั่น รวมถึงทุกคนที่ดูอยู่ในเวลานี้ทางวีดิโอที่เผยแพร่ไปทั่วโลก

เมื่อลมพายุทำให้เกิดคลื่นซัดใส่เหล่าสาวกในทะเลกาลิลี พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัว (มก.4:35-38) หลังจากพระเยซูทรงห้ามพายุแล้ว พวกเขารู้ว่าพระองค์ทรงควบคุมลมและทุกสิ่งทุกอย่าง (ข้อ 39-41) พวกเขาได้ค่อยๆเรียนรู้ที่จะไว้วางใจในพระองค์ ประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาสามารถช่วยให้ผู้อื่นรู้จักฤทธิ์อำนาจที่ไม่ธรรมดาของพระเยซูและรู้ว่าทรงพร้อมที่จะช่วยเราเสมอ

ขณะที่เราเผชิญกับมรสุมแห่งชีวิต หรือไต่ไปตามเชือกแห่งความไว้วางใจที่พาดอยู่เหนือหุบเขาสูงชันแห่งความทุกข์ เราสามารถแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฤทธิ์เดชของพระคริสต์ พระเจ้าจะทรงใช้การดำเนินในความเชื่อของเราเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นมีความหวังในพระองค์

เทศกาลแห่งการนมัสการ

การร่วมในงานประชุมขนาดใหญ่อาจทำให้คุณเปลี่ยนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากกว่า 1,200 คนในงานประชุมใหญ่หลายวันในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา นักวิจัยดาเนียล ยุดคินและเพื่อนร่วมงานของเขาได้เรียนรู้ว่า การชุมนุมหรือเทศกาลขนาดใหญ่สามารถส่งผลกระทบต่อเข็มทิศทางศีลธรรมของเรา และอาจส่งผลต่อความตั้งใจของเราในการแบ่งปันทรัพยากรกับผู้อื่น งานวิจัยของพวกเขาพบว่าร้อยละ 63 ของผู้เข้าร่วมงานได้รับประสบการณ์แห่งการ “เปลี่ยนแปลง” ในงานชุมนุม ทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันกับเพื่อนมนุษย์มากขึ้นและมีน้ำใจต่อเพื่อน ครอบครัว และแม้แต่คนที่แปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารวมตัวกับผู้อื่นเพื่อนมัสการพระเจ้า เราจะได้สัมผัสมากกว่าแค่ “การเปลี่ยนแปลง” ทางสังคมจากการชุมนุมทางโลก แต่เราจะได้สื่อสารกับพระเจ้าโดยตรง ประชากรของพระเจ้ามีประสบการณ์เชื่อมโยงกับพระองค์เช่นนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อพวกเขารวมตัวกันในกรุงเยรูซาเล็มในสมัยโบราณเพื่อร่วมเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ตลอดทั้งปี พวกเขาเดินทางโดยปราศจากเครื่องอำนวยความสะดวกเพื่อไปยังพระวิหารปีละสามครั้งเพื่อร่วม “เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง” (ฉธบ.16:16) การชุมนุมเหล่านี้เป็นช่วงเวลาแห่งการรำลึก การนมัสการ และการชื่นชมยินดี “เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า”ร่วมกับครอบครัว คนรับใช้ คนต่างชาติ และคนอื่นๆ(ข้อ 11)

ให้เรารวมตัวกับผู้อื่นในการนมัสการ เพื่อช่วยซึ่งกันและกันให้ชื่นชมยินดี ในพระเจ้าและเชื่อวางใจในความสัตย์ซื่อของพระองค์เรื่อยไป

ยิ่งกว่าทูตของแบรนด์

การแข่งขันในยุคอินเทอร์เน็ตมีความรุนแรงอย่างมาก บริษัทต่างๆพากันพัฒนาวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างบริษัทรถซูบารุ เจ้าของรถซูบารุมีลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นบริษัทจึงได้เชื้อเชิญ “แฟนตัวยง” ให้มาเป็น “ทูตของแบรนด์” สำหรับยานพาหะของบริษัท

เว็บไซต์ของบริษัทบอกไว้ว่า “ทูตของซูบารุเป็นกลุ่มบุคคลพิเศษที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ที่ใช้ความรักและความกระตือรือร้นของพวกเขามาอาสาเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับซูบารุ และช่วยกำหนดอนาคตของแบรนด์” บริษัทต้องการให้ความเป็นเจ้าของซูบารุกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนของผู้คน เป็นสิ่งที่พวกเขาหลงใหลมากจนอดไม่ได้ที่จะพูดให้คนอื่นฟัง

ใน 2 โครินธ์ 5 เปาโลอธิบายถึงการเป็น “ทูต” ที่แตกต่างออกไป นั่นคือการชักชวนผู้อื่นให้มาติดตามพระเยซู “เพราะเหตุที่เราเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างจับใจเราจึงชักชวนคนทั้งหลาย” (ข้อ 11) จากนั้นท่านได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า​” (ข้อ 19-20)

ผลิตภัณฑ์มากมายสัญญาว่าจะตอบสนองความต้องการในส่วนลึกเพื่อให้เรารู้สึกถึงความสุข ความสมบูรณ์ และเป้าหมาย แต่มีข่าวสารเพียงหนึ่งเดียว เท่านั้นที่เป็นข่าวดีที่ แท้จริง คือข่าวการคืนดีที่ทรงมอบไว้ให้เราในฐานะผู้เชื่อของพระเยซู และเราได้รับสิทธิพิเศษที่จะนำส่งข่าวสารนั้นไปยังโลกนี้ที่สิ้นหวัง

พลังแห่งความมุ่งมั่น

ในค.ศ. 1917 ช่างเย็บผ้าสาวรู้สึกตื่นเต้นที่โรงเรียนออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์กตอบรับให้เธอเข้าเรียน แต่เมื่อแอนน์ โลว์ โคน เดินทางจากฟลอริด้ามาเพื่อลงทะเบียนเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกเธอว่าพวกเขาไม่ต้อนรับเธอ “พูดตามตรงเลยนะครับ คุณโคน พวกเราไม่ทราบมาก่อนว่าคุณเป็นนิโกร” เขาบอก แอนน์ไม่ยอมออกจากที่นั่น เธออธิษฐานเบาๆขอให้พวกเขายอมให้ฉันเรียนที่นี่เถอะ เมื่อผู้อำนวยการเห็นถึงความมุ่งมั่นนั้น เขาจึงให้แอนน์อยู่ แต่แยกเธอออกจากชั้นเรียนที่มีเฉพาะชาวผิวขาวโดยเปิดประตูหลังห้องทิ้งไว้ “ให้เธอได้ยิน”

ด้วยพรสวรรค์ที่มิอาจปฏิเสธ แอนน์จบการศึกษาก่อนกำหนดหกเดือนและเป็นที่สนอกสนใจของบรรดาลูกค้าชนชั้นสูง รวมถึงแจ็คเกอลีน เคนเนดี้อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง ของสหรัฐอเมริกาผู้ที่แอนน์ออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกให้ แอนน์ตัดชุดแต่งงานนั้นสองครั้งโดยขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าหลังจากที่ท่อประปาเหนือห้องเสื้อของเธอแตก ทำให้ชุดแรกนั้นเสียหาย

ความมุ่งมั่นเช่นนั้นทรงพลังโดยเฉพาะในคำอธิษฐาน ในคำอุปมาของพระเยซูเรื่องหญิงม่ายและผู้พิพากษา หญิงม่ายคนหนึ่งเฝ้ามาหาผู้พิพากษาทุจริตซ้ำๆเพื่อขอความยุติธรรม ในตอนแรกเขาปฏิเสธเธอ แต่ “เพราะแม่ม่ายคนนี้มากวนเราให้ลำบาก เราจะให้ความยุติธรรมแก่นาง” (ลก.18:5)

ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก “พระเจ้าจะไม่ทรงประทานความยุติธรรมแก่คนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้ผู้ร้องถึงพระองค์ทั้งกลางวันกลางคืนหรือ” (ข้อ 7) พระเยซูตรัสว่าพระองค์จะทรงประทานให้ (ข้อ 8) ขณะที่พระองค์ทรงดลใจเรา ให้เราเพียรอ้อนวอนอย่างมุ่งมั่นและไม่อ่อนระอาใจ พระเจ้าจะทรงตอบในเวลาและวิธีการที่สมบูรณ์แบบของพระองค์

พระเยซู พี่น้องของเรา

บริดเจอร์ วอล์คเกอร์ อายุเพียงหกขวบเท่านั้นตอนที่สุนัขอันตรายตัวนั้น วิ่งตรงเข้ามาหาน้องสาวของเขา โดยสัญชาตญาณบริดเจอร์ได้กระโดดเข้าขวางหน้าเพื่อปกป้องเธอจากการจู่โจมอันดุดันของหมาตัวนั้น หลังได้รับการรักษาฉุกเฉินและเย็บแผลบนใบหน้า 90 เข็ม บริดเจอร์พูดถึงสิ่งที่เขาทำว่า “ถ้ามีใครจะต้องตาย ผมคิดว่าคนนั้นควรเป็นผม” น่าดีใจที่ศัลยแพทย์ช่วยรักษาแผลบนใบหน้าของเขาจนหาย แต่ความรักของพี่ชายคนนี้ยังปรากฏอยู่ในภาพถ่ายล่าสุดที่เขากำลังกอดน้องสาวอยู่ ความรักนั้นยังคงแข็งแกร่งเหมือนเช่นที่ผ่านมา

ในอุดมคตินั้นสมาชิกในครอบครัวคือผู้ที่ดูแลห่วงใยเรา พี่น้องที่แท้จริงจะเข้ามาช่วยเมื่อเราตกอยู่ในปัญหาและอยู่เคียงข้างเมื่อเรากลัวและโดดเดี่ยว แต่ในความเป็นจริงแม้แต่พี่น้องที่ดีที่สุดก็ไม่สมบูรณ์แบบ และบางคนยังถึงกับทำร้ายเรา แต่เรามีพี่น้องคนหนึ่งคือพระเยซูผู้คอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ พระธรรมฮีบรูบอกเราว่าพระคริสต์ ผู้สำแดงความรักอันถ่อมใจ เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโดยทรงร่วม “สายโลหิต” และเป็นเหมือนเรา คือ “เป็นเหมือนกับพี่น้องทุกอย่าง” (2:14, 17) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พระเยซูทรงเป็นพี่น้องที่แท้จริงที่สุดของเรา และพระองค์ทรงยินดีที่จะเรียกเราว่าเป็น “พี่น้องกัน” กับพระองค์ (ข้อ11)

เราพูดถึงพระเยซูว่าทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นมิตรสหาย และเป็นกษัตริย์ของเรา พระองค์ทรงเป็นทุกอย่างนั้นจริงๆ แต่พระเยซูทรงเป็นพี่น้องของเราด้วย ทรงมีประสบการณ์ในความกลัวและการทดลอง ความผิดหวังหรือความเสียใจเหมือนกับมนุษย์ทุกอย่าง พระองค์ผู้เป็นพี่น้องของเราทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอ

เดียวดายแต่ไม่ถูกลืม

เมื่อคุณฟังเรื่องราวของพวกเขา เป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งที่ยากที่สุดของการเป็นนักโทษคือความโดดเดี่ยวและความเหงา อันที่จริงแล้ว มีการศึกษาหนึ่งแสดงให้เห็นว่านักโทษส่วนใหญ่ไม่ว่าจะถูกจองจำนานแค่ไหน จะมีเพื่อนหรือผู้ที่รักมาเยี่ยมเพียง 2 ครั้งในตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในห้องขัง ความเหงาจึงเป็นความจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ผมคิดภาพว่าโยเซฟคงรู้สึกเจ็บปวดขณะที่อยู่ในเรือนจำ ท่านถูกกล่าวโทษความผิดอย่างไม่เป็นธรรม ท่านมีความหวังอันริบหรี่จากการที่พระเจ้าทรงช่วยให้ท่านแก้ความฝันได้อย่างถูกต้องให้กับเพื่อนผู้ต้องขังที่บังเอิญเป็นคนที่กษัตริย์ไว้วางใจ โยเซฟบอกกับเขาว่า เขาจะได้กลับไปรับตำแหน่งเดิมและขอให้คนนั้นบอกกับฟาโรห์เรื่องของโยเซฟเพื่อโยเซฟจะได้รับอิสรภาพ (ปฐก.40:14) แต่ชายคนนั้น “มิได้ระลึกถึงโยเซฟ กลับลืมเขาเสีย” (ข้อ 23) โยเซฟต้องรออีกสองปี ในช่วงสองปีแห่งการรอคอยโดยไม่มีสัญญาณใดว่าสถานการณ์ของท่านจะเปลี่ยนแปลง โยเซฟไม่เคยอยู่ตัวคนเดียว เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับท่าน ในที่สุด คนรับใช้ของฟาโรห์ก็จำได้ถึงคำสัญญาของเขาและโยเซฟก็ได้ถูกปล่อยตัวหลังจากแก้ความฝันได้ถูกต้องอีกครั้ง (41:9-14)

ไม่ว่าสถานการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเราถูกลืม และความรู้สึกเหงาหรือเดียวดายใดๆที่คืบคลานเข้ามา เราสามารถยึดพระสัญญาที่พระเจ้าทรงยืนยันกับลูกๆของพระองค์ไว้ได้ว่า “เราจะไม่ลืมเจ้า” (อสย.49:15)

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา